สังคมชมพูทวีป

Get Started. It's Free
or sign up with your email address
สังคมชมพูทวีป by Mind Map: สังคมชมพูทวีป

1. ลักษณะทางภูมิศาสตร์

1.1. ชมพูทวีปแบ่งเป็น 2 เขต

1.1.1. "มัชฌิมชนบท/มัธยมประเทศ"แปลวา ส่วนกลางของประเทศ เป็นเขตที่อยู่ของชน ชาตอริยกะ/อารยัน ปกครองสวนกลางของ ประเทศ

1.1.2. "ปัจจันตชนบท/ปัจจันตประเทศ"แปลว่า ประเทศชายแดน เป็นเขตที่อยู่ของมิลักขะ ปกครองชายแดนของประเทศ

1.2. มูลเหตุเเห่งการแบ่งเช่นนี้สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสันนิษฐานว่า พวกอริยะ คงเรียกชนบทที่ตนเขาตั้ง และเป็นใจกลางแห่งการปกครองว่า มชิฌชนบท เรียกชนบทที่พวกมิลักขะตั้งอยู่ภายนอกเขตของตนว่าปัจจันตชนบท

1.3. ชมพูทวีป คือ ดินแดนเป็นแดนเกิดของ พระพุทธศาสนาปัจจุบัน อยู่ทางตอนใต้ของ เทือกเขาหิมาลัย

2. ลักษณะทางศาสนา

2.1. อาระนันถือบ้านเป็นบ้านของตนเป็นชนเผ่าเร่ร่อน สิ่งประดิษฐ์ต้องมาจากฟ้า เทพเจ้า:พระอินทร์

2.2. มิลักขะ ใช้พื้นดินทำการเกษตร สิ่งเคารพมาจากดิน เทพเจ้า:นาค

2.3. ต่อมามีการประสานความ เชื่อเกิดคติความเชื่อของ ศาสนาพราหมณ์ อดีตพระพรหมสร้างโลก

2.4. คนในชมพูทวีปพระพรหมหลายชีวิตที่มีความหมาย ต่างกันในสังคมโดยแบ่งเป็นวรรณะเรียกว่าเป็นพรหมลิขิต

2.5. ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย

2.5.1. 1.ตายแล้วเกิดเคยเกิดในวรรณะซึาง ไม่ว่าชาติไหน ๆ ก็จะเกิดใน วรรณะเดิมเรียกว่าพวกเขา มีความเห็นว่าเที่ยงการเกิดคงที่แน่นอน

2.5.2. 2.ตายแล้วขาดสูญชีวิตนี้มีชีวิตเดียว ตายแล้วสูญสิ้น ไม่เวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วตายเลยเรียกว่า พวกอุจเฉททิฏฐิ ตายแล้วขาดสูญ

2.6. ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ก่อให้เกิดการดำเนินชีวิต 2 กระเเส

2.6.1. 1.แสวงหาความสุขบำรุงบำเรอตนทางกาย ในปัจจุบัน

2.6.2. 2.การทรมานตนเพื่อหวังผลใหม่ความสุขหลังความตาย

2.6.3. ตามหลักพระพุทธศาสนา เชื่อว่า กรรมเปนตัวกำหนด ชะตามนุษย์เมื่อหมดกรรมก็ไม่มีการเวียนว่ายตาเกิด แต่ถ้ายังไม่สนกิเลสก็ต้องเวียนว่ายตายเกดอยู่ร่ำไป เรียกวา กรรมลิขิต

3. สังเวียนนียสถาน 4 ตำบล

3.1. เมืองลุมพินี:เป็นดินแดนแห่งการประสูติของพระพุทธเจ้า อยู่ในอินเดีย ต่อมา พ.ศ.2493อยู่ในเขตเนปาล

3.2. เมืองสารนาถ:เป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา

3.3. เมืองพุทธคยา:เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระสมมาสมพุทธเจ้ามีความสำคัญที่สุดต่อชาวพุทธทั่วโลก

3.4. เมืองกุสินารา:เป็นสถานที่ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

4. ลักษณะทางสังคม

4.1. ความเชื่อเรื่องวรรณะ

4.1.1. การถือวรรณะอย่างรุนแรงเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคมอินเดียทั้งก่อนพุทธกาลและสมัยพุทธกาล แต่ชาวอินเดียจะยอมรับวรรณะตามชาติกำเนิดโดยไม่ต่อต้าน แม้จะมีความแตกตางทางชั้นวรรณะ แต่สิ่งหนึ่งที่สวนทางคือ ระบบการศึกษา โดยองค์การยูเนสโก้จัดอันดับให้อินเดียเป็น ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับ4ของโลก ดังนั้นจึงมีนักศึกษาจากตางประเทศ รวมถึงพระสงฆ์จากประเทศไทยไปศึกษาเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยในอินเดียจำนวนมาก เพราะ นอกจากมาตรฐานการศึกษาแล้ว ค่าเลาเรียนก็ไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศ ตะวันตก

4.1.2. วรรณะทั้ง 4 ชาวอินเดียจะมีการแบ่งผู้คนออกเป็นพวกๆหรือวรรณะตามความเชื่อจากศาสนาฮินดูคือ 1.วรรณะพราหมณ์เป็นวรรณะสูงสุด 2.วรรณะกษัตริย์ 3.วรรณะแพศย์ 4.วรรณะศูทร

4.2. การปกครอง

4.2.1. 1.ราชาธิปไตย/สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เช่นแคว้นมคธ

4.2.2. 2.คณาธิปไตย/สามัคคีธรรม/สาธารณรัฐ เช่นแคว้นมัลละ แควนวัชชี แคว้นสักกะ

5. ชนพื้นเมืองดั้งเดิมมีรูปร่างลักษณะผมดำ จมูกแบน ตาพอง ถูกเรียกว่าเป็น มิลักขะ แปลว่าพวกปาเถื่อนล้าหลัง ต่อมามีชนผิวขาวเดินทางจากเอเชียกลางเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือขับไล่รุกรานชนพื้นเมืองลงไปทางตอนใต้ ชนกลุ่มนี้เรียกตนเองว่า อารยัน/อริยกะ แปลว่า ผู้เจริญ

5.1. ชนพื้นเมืองดั้งเดิมมีรูปร่างลักษณะผมดำ จมูกแบน ตาพอง ถูกเรียกว่าเป็น มิลักขะ แปลว่าพวกปาเถื่อนล้าหลัง ต่อมามีชนผิวขาวเดินทางจากเอเชียกลางเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือขับไล่รุกรานชนพื้นเมืองลงไปทางตอนใต้ ชนกลุ่มนี้เรียกตนเองว่า อารยัน/อริยกะ แปลว่า ผู้เจริญ

5.2. ลักษณะด้านประชากร